Category Archives

ไพ่ป๊อก คือชื่อไพ่ชนิดหนึ่ง รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทำจากแผ่นพลาสติกหรือกระดาษแข็ง สำรับหนึ่งมี 52 ใบ ประกอบด้วยไพ่ 4 ชุด ชุดละ 13 ใบ แต่ละชุดจะมีสัญลักษณ์ได้แก่ โพดำ โพแดง ข้าวหลามตัด และดอกจิก ในชุด 13 ใบประกอบด้วยตัวเลข 2 ถึง 10 และมี J (jack) Q (queen คนไทยนิยมเรียกว่า แหม่ม) K (king) A (ace) ในการเล่นบางชนิดอาจต้องใช้โจ๊กเกอร์ (joker) ด้วย ซึ่งมีสองใบคือสีดำกับสีแดง (หรือโจ๊กเกอร์ดำกับโจ๊กเกอร์สี) นอกจากไพ่จะใช้ในการเล่นเกมไพ่แล้ว บางครั้งไพ่มักถูกนำไปใช้เป็นอุปกรณ์ในการเล่นมายากล หรือใช้ในการดูดวง และในหลายๆครั้งก็ถูกนำไปใช้ในการเล่นการพนันอีกด้วย

ไพ่ป๊อกมีถิ่นกำเนิดมาจากฮินดูสถาน ได้รับการคิดค้นขึ้นโดยชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อว่า นายเกิง โกเนอร์หน้าไพ่จะหมายถึง สัปดาห์ทั้งหมดใน1ปี มี 52 สัปดาห์ เมื่อนำเลขมาบวกกันแล้วจะได้ 365 วัน ก็เท่ากับ 1 ปีนั่นเอง ซึ่งไพ่สีแดงหมายถึง กลางวัน และไพ่สีดำหมายถึง กลางคืน มีที่มาจากเรื่องราวของฤดูกาล, วัยอายุ, กษัตริย์ แบ่งได้ดังนี้

• 1.โพธิ์แดง คือ ฤดูใบไม้ผลิ, วัยเยาว์หรือเด็ก, ชาร์เลอมองค์ (Charlemagne)
• 2.ข้าวหลามตัด คือ ฤดูร้อน, วัยหนุ่มสาวหรือวัยรุ่น, อเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great)
• 3.ดอกจิก คือ ฤดูใบไม้ร่วง, วัยกลางคน หรือวัยหนุ่มใหญ่, จูเลียสซีซาร์ (Julius Caesar)
• 4.โพธิ์ดำ คือ ฤดูหนาว, วัยชราหรือสูงอายุ, กษัตริย์เดวิด (David)

ตัวควีน หมายถึง พระนางคลีโอพัตรา (Cleopatra) พระนางเอสเธอร์ (Esther) พระนางแห่งซีบาร์ (Sheba) และ พระนางโบดิเซีย (Boadicea) เป็นตัวแทนของไพ่ควีน และเหล่า Jack ก็หมายถึงวีระบุรุษคนสำคัญต่างๆ ของโลก

เพิ่มเติม
1.โพธิ์แดง คือ ความรัก
2.ดอกจิก คือ ความรู้
3.ข้าวหลามตัด คือ สินทรัพย์
4.โพธิ์ดำ คือ ความตาย

K Q J จะหันหน้าเข้าหา โพธิ์แดง ดอกจิก และข้าวหลามดำ แล้วหันหลังให้โพธิ์ดำ ( ความตาย )
ไม่มีใครรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วอเล็กซานเดอร์มหาราชมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แต่โดยทั่วไปแล้ว เชื่อว่าพระองค์เป็นชายหนุ่มรูปร่างเล็ก ไม่มีหนวดมีเครา แทบไม่มีเค้าว่าเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่เลย ผมของพระองค์เป็นสีบลอนด์หยิกเป็นลอน บ้างก็บอกว่าดวงตาของพระองค์ข้างหนึ่งเป็นสีฟ้า อีกข้างเป็นสีดำ เป็นสัญลักษณ์บอกว่าในภายภาคหน้าพระองค์จะเป็นผู้ครองทั้งยุโรปและเอเชีย บ้างก็บอกว่า โดยปกติแล้วเมื่อทรงประทับอยู่กับที่ คอของพระองค์จะเอียงเล็กน้อยพองาม

ที่กล่าวมาในข้างต้นคือความเชื่อและความหมายที่ได้รับการบอกเล่าสืบต่อกันมาจากทางฝั่งตะวันตก ส่วนในประเทศไทยเองนั้นไม่พบข้อมูลยืนยันชัดเจนว่ามีไพ่ป็อกเริ่มเข้ามาในยุคสมัยใด แต่ถ้าจะให้ทำการคาดเดาก็คงจะมาในช่วงต้นรัชสมัยรัตนโกสินทร์ ยุคที่ต่างชาติทำการล่าอาณานิคม ที่พอจะบอกได้ชัดเจนที่สุดก็คือตำราไพ่ป๊อกไทยโบราณที่ได้สืบทอดต่อกันมามีจุดกำเนิดในสมัยรัชการที่ 4 ตามตำราเชื่อว่าไพ่ป๊อกแสดงถึงวิญญาณไพ่ปรากฎเรื่องราวบ่งบอกถึงสถานที่และตำแหน่ง คือ ศิลปะการทำนายชั้นสูง ใช้จิตสัมผัสกับวิญญาณ ประกอบเข้าด้วยกัน

วิชาไพ่ป๊อกไทยโบราณ ไพ่มี 32 ใบ* “เท่ากับอาการ 32 ของคน” วางไพ่ เป็นสามชั้น ชั้นที่หนึ่ง ชั้นที่สองวางไพ่เป็นทิศทั้งแปด ชั้นที่สามวางไพ่เป็นวงกลมเรียกว่าวิญญาณไพ่เป็นไพ่เดินเรี่อง
*หน้าไพ่* มี 3 ส่วน รูปภาพแสดงถึงบุคคล ตัวเลขแสดงถึงสถานะเรื่องราว สีของไพ่แสดงถึงคุณสมบัติของเรื่องใช้ไพ่ตั้งแต่เลข 7-8-9-10-เเจ๊ค-แหม่ม-คิง-เอ

• 7. การเดินทาง-การติดต่อ-การเปลี่ยนแปลง-การโยกย้าย-การกลับมา ฯลฯ
• 8. การสื่อสาร-คู่สัญญา-คำพูด-การต่อรอง-การค้าขาย-การใส่ร้าย-การยกย่อง-การประกัน-หุ้นส่วน ฯลฯ
• 9. ความรู้สึก-ความสุข-ความทุกข์-ความรัก-ความไม่สมหวัง-ความคิด-จินตนาการ ฯลฯ
• 10. การเงิน- การกู้ยืม-การลงทุน-โชคลาภ-มรดก-โอกาส-เงินเดือนขึ้น-เงินหาย-ถูกโกง ฯลฯ

เเจ๊ค ผู้ชายหนุ่ม-เพื่อนผู้ชาย-ผู้อุปถัมภ์
แหม่ม ผู้หญิง-แม่-เพื่อนผู้หญิง-เมีย-เถ้าแก่เนี้ย-ผู้อุปถัมภ์
คิง ผู้ชายสูงอายุ-พ่อ-ลุง-ผู้ใหญ่-เจ้านาย-ผู้อุปถัมภ์
เอ หัวใจความรัก-บุตร บริวาร ลูกจ้าง-ความต้องการ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับเรื่องราวที่ไปที่มาของไพ่ป็อก เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานเลยทีเดียว หวังว่าผู้อ่านคงจะชอบเรื่องราวของไพ่ป็อกที่นำมาเสนอนะครับ สวัสดีครับ

บาคาร่า วิธีเล่นนั้นไม่ได้น่ากลัวหรือยุ่งยากอย่างที่ใครๆคิดกัน เพียงแค่ ทุกคนจะต้องทำความเข้าใจกันสักนิดเดียว เพราะถ้าหากว่าไม่เข้าใจกฏกติกาและ วิธีการเล่นบาคาร่า ที่ถูกต้องก็อาจจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดเวลาเล่น หรืออาจจะทำให้เสียเวลาในการเล่นแถมเผลอๆเสียเงินโดยใช่เหตุ เหตุใดถึงเล่น บาคาร่าออนไลน์ แล้วเสีย บาคาร่าวิธีเล่นง่าย สามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะ บาคาร่า เป็นเกมที่มีวิธีการเล่นคล้ายคลึงกับไพ่ป๊อกเด้งที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เรียนรู้นิดเดียวก็พร้อมลงสนามจริงได้เลย

จุดประสงค์ของการเล่นบาคาร่า

ผู้เล่น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งเจ้ามือ หรือ Banker และฝั่งผู้เล่น หรือ โดยจะทำการแจกไพ่ให้ฝั่งละ 2 ใบ (แต่ไม่เกิน 3 ใบ) จะใช้ไพ่ 6 หรือ 8 สำรับแต่ละสำรับมีไพ่ 52 ใบ รวมเป็นไพ่ทั้งหมด 312 – 416 ใบโดยไพ่บาคาร่าใบที่ 1 และใบที่ 3 จะแจกให้ฝั่ง Player ไพ่บาคาร่าใบที่ 2 และ 4 จะแจกให้ฝั่ง Banker ( ถ้าฝั่งไหนต้องการไพ่ใบที่ 3 ต้องเป็นไปตามกฏการจั่วไพ่ใบที่ 3) การแจกไพ่ จะแจกในลักษณะหงายไพ่ขึ้นเสมอ Player เดิมพันไพ่ว่าฝั่งไหนจะได้แต้มใกล้เคียงหรือเท่ากับ 9 แต้ม ฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ชนะ แต้ถ้าแต้มทั้งสองฝ่ายเสมอกันจะคืนเงินเดิมพันให้กับผู้เล่น

ศัพท์ควรรู้

• Play คือ เดิมพันฝ่ายผู้เล่น
• Banker คือ เดิมพันฝ่ายเจ้ามือ
• Tie Game คือ ผลเสมอกันระหว่างผู้เล่นกับเจ้ามือ
• Player Pair คือผลฝ่ายผู้เล่นออกคู่
• Banker Pair คือผลฝ่ายเจ้ามือออกคู่

กติกาพื้นฐาน

• วางเดิมพัน ฝั่ง Banker หรือ Player โดยมีรูปแบบในการวางเดิมพัน ดังนี้
• Player ทายว่าแต้มรวมไพ่ของฝั่ง Player จะเป็นผู้ชนะ อัตราจ่าย 1 : 1
• Banker ทายว่าแต้มรวมไพ่ของฝั่ง Banker จะเป็นผู้ชนะ อัตราจ่าย 1 : 0.95
• Tie Game ทายว่าแต้มรวมของทั้งสองฝั่งจะออกเสมอ อัตราจ่าย 1 : 8
• Player Pair ทายว่าไพ่สองใบแรกของฝั่ง Player จะออกไพ่คู่ อัตราจ่าย 1 : 11
• Banker Pair ทายว่าไพ่สองใบแรกของฝั่ง Banker จะออกไพ่คู่ อัตราจ่าย 1 : 11

วิธีการนับแต้ม ไพ่บาคาร่า

การนับแต้ม ไพ่บาคาร่า : ไพ่A นับเท่ากับ 1 ไพ่ J /Q/K /10 นับเท่ากับ 0 และไพ่ใบอื่นๆ ทั้งหมดนับตามแต้มหน้าไพ่ ไพ่แนชเชอรัล : ในบาคาร่า (Baccarat) ไพ่แนชเชอรัล เมื่อได้แต้ม 8 หรือ 9 จากไพ่สองใบแรกทั้งสองฝ่ายต้อง “อยู่” หรือไม่ขอไพ่เพิ่มเพราะมีเพียงแต้มเดียวเท่านั้น ที่จะเอาชนะแนชเชอรัล 8 ได้คือ แนชเชอรัล 9 เท่านั้น
การจั่วไพ่ใบที่ 3

เนื่องจาก วิธีเล่นบาคาร่า จะทำการแจกไพ่ให้กับฝั่ง Player ก่อน ดังนั้นในกติกาการจั่วไพ่ใบที่ 3 จึงต้องพิจารณาที่แต้มรวมไพ่สองใบแรกของฝั่ง Player ก่อน ว่ามีแต้มเป็นเท่าไหร่ แล้วจึงพิจารณาดูว่า จะอยู่ หรือจั่วไพ่เพิ่ม ตามกฏของการจั่วไพ่ และหากว่าฝั่ง Player มีการจั่วไพ่ใบที่ 3 ก็ต้องดูเพิ่มว่าจั่วได้ไพ่อะไร หลังจากนั้นจึงค่อยไปพิจารณาต่อว่าฝั่ง Banker จะต้องจั่วไพ่เพิ่มหรือไม่

ข้อสังเกต

ถ้าแต้มรวมไพ่สองใบแรกของฝั่ง Player เป็น 0 – 5 จะต้องจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่มเสมอ
ถึงแม้ว่าฝั่ง Banker จะมีแต้มรวมไพ่สองใบแรกเพียง 3 แต้ม แต่ถ้าฝั่ง Player จั่วไพ่ใบที่สามได้ 8 ไม่ว่าผลรวมของไพ่สามใบของฝั่ง Player จะเป็นเท่าไหร่ก็ตาม ฝั่ง Banker จะไม่มีการจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่ม
ถึงแม้ว่าฝั่ง Banker จะมีแต้มรวมของไพ่สองใบแรกเป็น 6 แต้ม แต่ถ้าฝั่ง Player จั่วไพ่ใบที่สามได้ 6 หรือ 7 ไม่ว่าแต้มรวมของไพ่สามใบของฝั่ง Player จะเป็นเท่าไหร่ ฝั่ง Banker จะต้องจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่มเสมอ

กฏกติกา โต๊ะบาคาร่า

• แบบหัก 5% : บาคาร่าวิธีเล่นแบบหัก 5% นี้ ถ้าผู้เล่นเลือกเดิมพันฝั่ง Banker แล้วผลออกมาชนะ เงินรางวัลที่ได้จะถูกหักค่า commission 5% ยกตัวอย่างเช่น วางเดิมพันฝั่ง Banker 100 บาท และชนะ จะได้เงินรางวัลแค่ 95 บาท แต่ถ้าแทงฝั่ง Player 100 บาทและ Player ชนะ จะได้ 100 บาทเต็ม

• แบบไม่มีค่า commission : บาคาร่า วิธีเล่นแบบไม่มีค่า commission นี้ ถ้าผู้เล่นเลือกเดิมพันฝั่ง Banker แล้ว Banker ชนะที่ 6 แต้ม จะได้เงินรางวัลแค่ครึ่งเดียว (50%) แต่ถ้าชนะด้วยเเต้มอื่นจะได้เงินรางวัลเต็ม